วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

พาณิชย์อิเล็กโทรนิค

สรุป

การพาณิชย์อิเล็กโทรนิกส์

พาณิชย์อิเล็กโทรนิค คือ การซื้อ การขาย การแลกเปลี่ยนสินค้าบริการผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ เช่น ผ่านอินเตอร์เน็ต มีขอบเขตที่กว้าง สั่งในเชิงเทคโนโลยีที่มีการใช้อุปกรณ์พื้นฐาน เช่น โทรศัพท์มือถือ มีการโฆษณาสินค้า

    ตัวอย่างเช่น
1. การสั่งพิซซ่า
2.การส่งข้อมูลในขนส่งโดยผ่านระบบ DEI
3.การซื้อหนังสือจากเว็บไซต์ Amazon.com

     การซื้อขายต้องผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการขายเชื่อมโยงกันทั่วโลก ที่สำคัญต้องมีหน้าร้าน ชื่อร้าน มีรายละเอียดสินค้า การขนส่ง จะทำให้ระบบทำงานได้สำเร็จ
     ตัวอย่างหน้าเว็บ E-commerce เช่น เว็บไซต์ Amazon.com

E-Bussiness 
   คือ การซื้อขายระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ซึ่งE-Bussiness จะมีขนาดใหญ่กว่า E-commerce 
การดำเนินธุรกิจโดยอาสัยเทคโนโลยีด้านอิเล็กโทรนิกส์ โดยผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง

E-Suupply Chain
  คือ e-Supply Chain เป็นกระแสธุรกิจแบบ e-Business ที่บริษัทหรือองค์กร รวมทั้งคู่ค้าที่มาทำธุรกิจร่วมกัน มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน ที่จะนำไปสู่ทีมที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และน่าเชื่อถือ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน ขนวนการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบ(Procurement) การผลิต (Manufacturing) การจัดจำหน่าย (Distribution) การขนส่ง(Transportation) และการจัดเก็บ (Storage) ที่เชื่อมโยงกระบวนการดำเนินธุรกิจทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันเป็นโซ่อุปทานหรือเครือข่าย เพื่อให้เกิดการประสานงานกันอย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้การดำเนินงานมีต้นทุนที่ต่ำและมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการเชื่อมโยงขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันนี้ ไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะขั้นตอนต่างๆ ในองค์กรเท่านั้น แต่ยังจะเชื่อมต่อกับองค์กรอื่นๆ ภายนอกด้วย ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ผู้จัดหาวัตถุดิบ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายหรือร้านค้าปลีก


Pure E-commerce  คือ  การทำธุรกรรม E-commerce ในรูปแบบดิจิตอล Digital ทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนที่เริ่มจาก 
-          การสั่งซื้อสินค้า  หรือ บริการ  
-          กระบวนการชำระเงิน
-          การส่งมอบ 
ตัวอย่างเช่น การซื้อขาย โปรแกรม เพลง หรือ เกมส์  ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิต


Partial E-commerce คือ  การทำธุรกรรม E-commerce ที่บางขั้นตอนยังอยู่ในรูปแบบกายภาพ (Physical)    เช่น การสั่งซื้อตำรา  ต้องมีการขนส่งผ่านระบบขนส่งปกติทั่วไป  หรือ การชำระเงินโดยใช้วิธีโอนผ่านธนาคาร หรือ ATM  เป็นต้น

usiness Model Of E-Commerce

Brick – and – Mortar Organization

Old-economy organizations (corporations) that perform most of their business off-line ,selling physical product by means of physical agent. => Traditional

Virtual Organization

Organization that conduct their business activities solely online. => Pure

Click – and – Mortar Organization

Organization that conduct some e-commerce activities , but do their primary business in the physical world. => Partial
-          รูปแบบของการทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการผสมผสานระหว่างผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขาย
-          คำว่า Mortar คือการก่อสร้างบ้านอาคาร เปรียบได้กับธุรกิจที่มีหน้าร้านค้าจริงๆ โดยบางคนจะเลือกใช้คำว่า “Brick” แทนคำว่า Mortar
-          เหมาะสำหรับผู้ที่มีกิจการค้าเดิมอยู่แล้ว และต้องการขยายเพิ่มช่องทางการค้าไปสู่ภายนอกทั้งระดับประเทศและทั่วโลก
-          การทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือให้บริการผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือร้านค้าจริงๆ ที่ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าหน้าร้านได้

ประเภทของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
แบ่งออกเป็น
1.       กลุ่มธุรกิจที่ค้ากำไร Profit Organization
-          Business – to – Business (B2B)
คือรูปแบบการซื้อขาย สินค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เป็นการซื้อขายทีละปริมาณมากๆ          มีมูลค่าการซื้อขาย  แต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก เป็นการค้าส่ง เช่น ผู้ผลิตขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลางเป็นธุรกิจนำเข้า - ส่งออก ชำระเงินผ่านระบบธนาคารด้วยการเปิด L/C หรือในรูปของ Bill of Exchange อื่นๆ
-          Business – to – Customer (B2C)
คือรูปแบบการจำหน่ายสินค้าโดยตรงจากผู้ค้ากับผู้บริโภคโดยตรง เป็นการค้าปลีก
-          Business – to – Business – to – Customer (B2B2C)
หมายถึง การเชื่อมต่อ B2B และ B2C เข้าด้วยกัน นั่นก็คือ เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมที่ธุรกิจได้ขายช่วงต่อไปยังภาคธุรกิจด้วยกัน ซึ่งอาจเป็นบริษัทในเครือหรือกลุ่มธุรกิจเดียวกันแต่ในด้านการส่งมอบสินค้าหรือบริการ ก็ยังคงส่งมอบไปยังผู้บริโภคโดยตรงในแต่ละราย หรือองค์กรธุรกิจขายให้องค์กรธุรกิจด้วยกัน แต่องค์กรจะจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าอีกทีหนึ่ง
-          Customer – to – Customer (C2C)
เป็นรูปแบบการซื้อขาย สินค้าระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค เช่นการประกาศขายสินค้าใช้แล้ว
-          Customer – to – Business (C2B)
หมายถึง เป็นการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการในอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้บริโภคกลับมีสถานะเป็นผู้ค้าและมีบทบาทในการต่อรองเพื่อตั้งราคาสินค้า จากนั้นผู้ประกอบการก็จะนำราคาที่ลูกค้าเสนอมาให้กับผู้ขายปัจจัยการผลิตพิจารณาว่าสามารถจำหน่ายหรือขายได้ในราคานี้หรือไม่ หรือการที่ลูกค้าสามารถระบุตัวสินค้าหรือบริการเฉพาะเจาะจงลงไป แล้วองค์กรเป็นตัวจัดหาสินค้าหรือบริการให้ลูกค้า
เป็นรูปแบบการค้าที่ใกล้ตัวมากๆ จนเรานึกไม่ถึง เป็นรูปแบบการค้าที่ Consumer หรือผู้ใช้นำสินค้ามา Reviews หรือวิเคราะห์สินค้า จนเว็บเราดังมีคนสนใจเข้ามาชมมาก เราก็จะทำธุรกิจ (Business) กับ Amazon โดยการเอาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่เรา Reviews มาขาย ซึ่งถ้าขายได้ Amazon ก็จะแบ่งตังให้กับเรา หรือแม้แต่ Adsense ก็เป็นธุรกิจแบบ C2B คือ Consumer ทำธุรกิจกับ Business โดยนำเสนอสิ่งที่ Business ต้องการ ซึ่งในกรณีAdsense ที่เขาต้องการก็คือเนื้อหาเว็บที่ดีมีประโยชน์ของ Consumer ที่ทาง Google จะเอาไปขายต่อให้กับพวกที่ต้องการโฆษณาบนเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้าตนเอง หรือพวกที่ทำ Adwords ไงครับ
-          Mobile Commerce
หรือ M-Commerce หมายถึง การดำเนินกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมหรือการเงิน โดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือการค้าขายตามระบบแนวความคิดของระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-Commerce ที่ใช้อุปกรณ์พกพาไร้สายเป็นเครื่องมือในการสั่งซื้อและขายสินค้าต่างๆ ทั้งการสั่งซื้อสินค้าที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม รวมทั้งการรับ-ส่งอีเมล์ หรือการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีความสะดวกสบาย ไม่มีข้อจำกัดในการจับจ่าย โดย M-Commerce เป็นการแตกแขนงของเทคโนโลยีที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการขยายตัวของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง M-Commerce จะช่วยเร่งอัตราการเติบโตให้กับการดำเนินธุรกรรมผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ได้เร็วกว่าการใช้เทคโนโลยี E-Commerce 

ขอบเขตของ M-Commerce จะครอบคลุมทั้งการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้ดำเนินธุรกิจกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ B2C และระหว่างผู้ดำเนินธุรกิจด้วยกันเอง B2B



2.       กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากำไร Non-Profit Organization
-          Intrabusiness (Organization) E-Commerce
อีคอมเมิร์ซภายในองค์กรหรือแบบอินทราออร์ก (Intra-Org E-commerce) คือ การใช้อีคอมเมิร์ซในการช่วยให้บริษัทหรือองค์ใดองค์กรหนึ่งสามารถปรับปรุงการทำงานภายในและให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
-          การติดต่อสื่อสารภายในองค์กรจะสะดวกรวดเร็วจะได้ผลดีขึ้น โดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ และป้ายประกาศ เป็นต้น
   การจัดพิมพ์เอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีพับลิซซิง (Electronic Publishing) ช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบเอกสาร จัดพิมพ์เอกสาร และแจกจ่ายเอกสารได้สะดวกรวดเร็ว และใช้ค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ว่าจะเป็นคู่มือข้อกำหนดสินค้า (Product Specifications) รายงานการประชุม เป็นต้น ทั้งนี้โดยผ่านเว็บ
   การปรับปรุงประสิทธิภาพพนักงานขาย การใช้อีคอมเมิร์ซแบบนี้ช่วยปรับปรุงการสื่อสารระหว่างฝ่ายผลิตกับฝ่ายขาย และระหว่างฝ่ายขายกับลูกค้า ทำให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้น
-          Business – to – Employee (B2E)
การทำธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับพนักงาน (Business-To-Employee–B2E) มุ่งเน้นการให้บริการแก่พนักงานในด้านต่าง ๆ เช่น ข้อมูลของสินค้าและบริการ กิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างผู้ประกอบการ องค์กร กับพนักงาน โดยอาศัยระบบเครือข่าย
-           Government – to – Citizen (G2C)
การทำธุรกรรมระหว่างองค์กรของรัฐกับประชาชน (Government-To-Citizen–G2C) เป็นการทำธุรกรรมระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับประชาชนโดยไม่หวังผลกำไร แต่เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ บริการข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน เช่น การยื่นแบบชำระภาษีของกรมสรรพากร
-          Collaborative Commerce (C-Commerce) เช่น เครือซีเมนต์ไทย
ซี คอมเมิร์ซ (c-Commerce) หรือ Collaborative Commerce เป็นที่รู้จักกันในต่างประเทศได้เป็นเวลานานพอควรแล้วภายหลังจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต เนื่องจากได้สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive advantage) แก่บริษัทที่นำไปใช้อย่างเห็นได้ชัด อุตสาหกรรมที่ริเริ่มใช้ ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมอากาศยาน และในปัจจุบันได้แพร่ขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ก่อสร้าง เครื่องจักร รวมไปถึงอุตสาหกรรมบริการต่างๆ
สำหรับในประเทศไทยซี-คอมเมิร์ซ เริ่มมีการกล่าวถึงมากขึ้น เนื่องจากการตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี เพื่อเตรียมความพร้อมในการต่อสู้กับสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดโลก และตัวอย่างของความสำเร็จที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ Wasserstein Perella Securities, Inc. ได้ออกรายงานการศึกษาว่า นับจากนี้ไปถึง ปีข้างหน้า บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งสามของสหรัฐอเมริกา จะสามารถ
-          Exchange – to – Exchange (E2E)
การทำธุรกรรมด้านการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ (Exchange-To-Exchange–E2E) เป็นช่องทางสำหรับใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน
-          E-Learning
e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอมการเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น 



E-Commerce Business Model แบบจำลองทางธุรกิจ
            แบบจำลองทางธุรกิจ หมายถึง วิธีการดำเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้ อันจะทำให้บริษัทอยู่ต่อไปได้  นอกจากนี้  ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม Value Add ให้กับสินค้าและบริการ
            วิธีการที่องค์กรคิดค้นขึ้นมา  เพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่  อันจะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ 

online catalog
E-tailer
Auction
Web Board
E-Markatplace


Cloud Computing

Cloud Computing 
loud Computing คืออะไร มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ในแง่ใด
 

Cloud Computing เกิดจากการแทนสัญลักษณ์อินเตอร์เน็ตด้วยรูปก้อนเมฆ  คำว่าก้อนเมฆก็ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Cloud ดังนั้นเมื่อเกิดระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำงานบนอินเตอร์เน็ตจึงเทียบเคียงได้เหมือนกับการทำงานบนก้อนเมฆ และผู้ที่เรียกคำนี้เป็นคนแรกก็ไม่ใช่ใครอื่นใดนั่นก็คือ อีริค ชมิดท์ ซีอีโอของ google นั่นเอง 
    หากจะอธิบายกระบวนการของ Cloud Computing ให้ง่ายที่สุดมันก็เหมือนกับการฝากขายสินค้าในเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ผู้ผลิตไม่ต้องมีหน้าร้านค้าเอง ไม่ต้องมีระบบส่งของ แต่จะมีมืออาชีพมาจัดการด้านการขายและกระจายสินค้าให้ได้เป็นอย่างดี โดยคิดค่าบริการตามความเหมาะสม   ระบบ Cloud Computing ก็เช่นเดียวกันที่ผู้ผลิตไม่ต้องมีความรู้ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตน แต่เป็นการใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่จัดการให้เสร็จสรรพ ตัวอย่างผู้ให้บริการ Cloud Computing ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคือ Amazon EC2 ที่เปรียบเป็นเหมือนบริการ server สำหรับทำงานและประมวลผลข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต  ผู้ใช้เพียงแค่อัพโหลดข้อมูลฮาร์ดดิสก์ทั้งลูกที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการให้เรียบร้อยขึ้นสู่ server ของ amazon ระบบ Cloud Computing ก็จะประมวลผลข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ลูกนั้น พร้อมมีช่องทางอินเตอร์เน็ตให้ครบครัน ผู้ใช้บริการไม่ต้องซื้อ server หรือ จ้างวิศวกรมาดูแล เพียงแค่ จ่ายค่าบริการให้ Amazon ตามอัตราการใช้งาน เช่น เวลาในการประมวลผลบน CPU หรือจำนวนข้อมูลรับส่ง แล้วหน้าที่รับผิดชอบการดูแลระบบสำรองข้อมูลไม่ให้ล่มก็เป็นหน้าที่ของ Amazon เราโยนงานที่ไม่เก่งให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล 
    ถึงตรงนี้บางคนก็สงสัยว่าแล้วมันต่างกับการเช่า server อย่างไร คำตอบคือ Cloud Computing นั้นไม่ได้ทำงานบนเครื่องเดียวเหมือนกับการเช่า server แต่เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันคล้ายๆกับ Grid Computing ข้อดีของระบบ Cloud Computing จึงเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นสูง  สามารถรับภาระการทำงานหนักๆได้ ยกตัวอย่างเว็บ Twitter มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก ถ้าใช้ server ของตัวเองคงจะมีปัญหาว่าต้องใช้ server เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม เพราะจำนวนผู้ใช้มีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่ถ้าใช้ระบบ Cloud Computing จะไม่เป็นปัญหา สามารถกระจายการทำงานไปยัง server อื่นๆโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลว่า server จะล่มเมื่อมีผู้ใช้บริการมาก
    ในปัจจุบันนอกจาก Amazon EC2 ผู้ให้บริการระบบ Cloud Computing อื่นก็มี เช่น Amazon S3, Google App Engine, Window Azure และ Salesforce.com ระบบ Cloud Computing จึงมีประโยชน์ในแง่ธุรกิจ เพราะลดความเสี่ยงจากความเสียหายในสิ่งที่ไม่เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ผู้ใช้ตามบ้านเองก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน ยกตัวอย่างโปรแกรม Panda Cloud Antivirus ที่ไม่ต้องคอยอัพเดตตลอด เนื่องจากนำข้อมูลไปทำงานบน server จึงได้รับการป้องกันจากขุมพลัง Cloud Computing อยู่เบื้องหลัง  ซึ่งมีแนวโน้มว่าบริการโปรแกรมต่างๆ ขึ้นไปอยู่บนอินเตอร์เน็ตและจัดการด้วยระบบ Cloud Computing มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นบริการแต่งภาพ ทำเอกสารบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ราคาแพง คุณสมบัติสูง และไม่ต้องลงโปรแกรมในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วที่นี้ใครคิดว่าอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงนั้นไม่สำคัญก็คงต้องอาจเปลี่ยนใจ  เพราะทุกอย่างกำลังไปอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต


จุดเด่น ข้อดี-ข้อเสีย


องค์ประกอบของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ

ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบที่สำคัญคือ

· อินเตอร์เน็ตที่มีช่องสัญญาณสูงจนเกือบจะไม่มีจำกัด (Nearly unlimited bandwidth)
· เทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Increasingly sophisticated virtualization technologies)
· สถาปัตยกรรมเครือข่ายที่รองรับการเข้าถึงพร้อมกันจำนวนมาก (Multitenant Architectures)
· ลักษณะการใช้งานได้ของเซิรฟ์เวอร์ประสิทธิภาพสูง (Availability of extremely powerful servers)

จุดเด่นของ Cloud Computing

1) Agility : มีความรวดเร็วในการใช้งาน

2) Cost : ค่าใช้จ่ายน้อย หรืออาจไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับ Client

3) Device and Location Independence : ใช้ได้ทุกที่แค่มีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต

4) Multi-Tenancy : แบ่งการใช้ทรัพยากรให้ผู้ใช้จำนวนมากได้

5) Reliability : มีความน่าเชื่อถือ

6) Scalability : มีความยืดหยุ่น

7) Security : มีความปลอดภัย

8) Sustainability : มีความมั่นคง

ข้อดีของ Cloud Computing

1) ลดต้นทุนค่าดูแลบำรุงรักษาเนื่องจากค่าบริการได้รวมค่าใช้จ่ายตามที่ใช้งาน จริง เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าซ่อมแซม ค่าลิขสิทธิ์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าอัพเกรด และค่าเช่าคู่สาย เป็นต้น

2) ลดความเสี่ยงการเริ่มต้น หรือการทดลองโครงการ

3) สามารถลดหรือขยายได้ตามความต้องการ

4)ได้เครื่องแม่ข่ายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี มีเครือข่ายความเร็วสูง

5) อยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ

ข้อเสียของ Cloud Computing

1) จากการที่มีทรัพยากรที่มาจากหลายแห่ง จึงอาจเกิดปัญหาด้านความต่อเนื่องและความรวดเร็ว

2) ยังไม่มีการรับประกันในการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบและความปลอดภัยของข้อมูล

3) แพลทฟอร์มยังไม่ได้มาตรฐาน  ทำให้ลูกค้ามีข้อจำกัดสำหรับตัวเลือกในการพัฒนาหรือติดตั้งระบบ site

4) เนื่อง จากเป็นการใช้ทรัพยากรที่มาจากหลายที่หลายแห่งทำให้อาจมีปัญหาในเรื่องของ ความต่อเนื่องและความเร็วในการเข้าทรัพยากรมากกว่าการใช้บริการHost ที่ Local หรืออยู่ภายในองค์การของเราเอง

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

งานบทที่ 9

งานบทที่ 9

www.pizzahut.co.th



1.การทำวิจัยการตลาด

      ปัจจัยแห่งความสำเร็จของเดอะพิซซ่า คือ การทำตามความต้องการของผู้บริโภคโดยการผลิตรสชาติใหม่ๆ เช่น ตามเทศกาลต่างๆ และการบริการที่เน้นความสะดวกสบายของลูกค้า และการจ้ดส่งแบบรวดเร็ว Delivery และมีการลงทุนโดยมีการเปิดสาขาที่ต่างประเทศอีกด้วย 
"พิซซ่า" เป็นอาหารฟาส์ตฟู้ดที่เริ่มรู้จักอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมในเมืองไทยนับตั้งแต่พิซซ่าฮัท ซึ่งเป็นเฟรนไชน์แบรนด์อินเตอร์เจ้าแรกมาเปิดตลาดเป็นสาขาแรกและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนมีสาขามากมายทุกมุมเมืองในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ และในที่สุดตลาดพิซซ่าก็ร้อนแรงขึ้นเมื่อมีปัญหาภายในทำให้ผู้บริหารเก่าต้องออกมาจากพิซซ่าฮัทและสร้างแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ "เดอะพิซซ่า" ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของพิซซ่าฮัท เมื่อเดือนมีนาคม 2544 และภายในเวลาแค่ 3 ปี เดอะพิซซ่าก็กลายเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 70% นับเป็นกรณีที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

2.การกำหนดกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด

แผนการตลาดของThe Pizza มีการตั้งเป้าหมายที่จะขยายตลาดเพิ่มขึ้นจากเดิม 30% ภายใน 3 ปี เพื่อที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ โดยมีการพัฒนาตัวสินค้าออกมาในรูปแบบใหม่ๆ จัดบูดแสดงผลิตพันธ์ตามห้างดังๆ การบริการส่งฟรีถึงบ้าน ขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยง่าย และต้องการที่จะให้แบนร์เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ เช่นเพิ่มสาขาในจีน ทำโบชัวแนะนำผลิตพันธ์ใหม่ๆพร้อมโปรโมชั่น และยังสำรวจความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมออีกด้วยการสร้าง
กลุ่มเป้าหมาย โดยจะต้องเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบต่างๆ ให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และอยากทดลองรับประทาน ไม่สร้างความจำเจ พยายามเปลี่ยนแปลงรูปแบบสื่อและผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่สนใจ แบบ ต่อเนื่องสมำ่เสมอ The Pizza ต้องการเจาะกลุ่มตลาดต่างประเทศและในประเทศเพื่อให้สินค้าติดอั นดับเป็นที่นิยมและยอมรับจากทั่วโลก  

3.การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า

วัตถุประสงค์การสื่อสารการตลาดของThe Pizzaคือ ต้องการทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับโดยการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อ เนื่องให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เพื่อให้สามารถสร้างจุดเด่นของสินค้าได้และให้เป็นที่ยอมรับของ ทั่วโลกให้มากที่สุด pizza มีการทำตามความต้องการของผู้บริโภคโดยมีการผลิตรสชาติใหม่อยู่ต ลอดและการบริการส่งฟรีถึงบ้านภายใน30นาทีและยังมีการสำรวจความต ้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ต้องการทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับ โดยการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อ เนื่องเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และสามารถสร้างจุดเด่นของสินค้าได้โดยการส่งแบบถึงบ้านและมีการ กระตุ้นให้พนักงานบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับให้เป็นที่ยอมรับของ
ผู้บริโภคทั่วโลกให้มากที่สุด   

4.การกำหนดราคา


พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท ถาดเล็ก หมวดเลิฟเวอร์ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 149 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 225 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท /บางกรอบ ถาดกลาง หมวดเลิฟเวอร์ ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 199 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 299 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท /บางกรอบ ถาดใหญ่ หมวดเลิฟเวอร์ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 298 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 398 บาท
พิซซ่าขอบชีส, ขอบไส้กรอกชีส ถาดกลาง หมวดเลิฟเวอร์ ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 329 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 429 บาท
พิซซ่าขอบชีส, ขอบไส้กรอกชีส และชีสซี่ ซอสเซจ ไบท์ ถาดใหญ่ หมวดเลิฟเวอร์ ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 428 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 528 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท ถาดเล็ก หมวดสุพรีม ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 179 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 245 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท /บางกรอบถาดกลาง หมวดสุพรีม ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 259 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 339 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท /บางกรอบ ถาดใหญ่ หมวดสุพรีม ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 358 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 438 บาท
พิซซ่าขอบชีส, ขอบไส้กรอกชีส และชีสซี่ ซอสเซจ ไบท์ถาดกลาง หมวดสุพรีม ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 389 บาท บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 469 บาท
พิซซ่าขอบชีส, ขอบไส้กรอกชีส และชีสซี่ ซอสเซจ ไบท์ ถาดใหญ่ หมวดสุพรีม ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 488 บาท บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 568 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท ถาดเล็ก หมวดซีฟู๊ด ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 199 บาท บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 265 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท /บางกรอบ ถาดกลาง หมวดซีฟู๊ด ถาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 299 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 359 บาท
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม/ขอบฮัทเฟเวอร์ริท /บางกรอบ ถาดใหญ่ หมวดซีฟู๊ด ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 398 บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 458 บาท
พิซซ่าขอบชีส, ขอบไส้กรอกชีส และชีสซี่ ซอสเซจ ไบท์ถาดกลาง หมวดซีฟู๊ด ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 429 บาท บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 489 บาท
พิซซ่าขอบชีส, ขอบไส้กรอกชีส และชีสซี่ ซอสเซจ ไบท์ ถาดใหญ่ หมวดซีฟู๊ด ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 528 บาท บาท ยกเว้น สาขาสีลม 64, มาบุญครอง, พัทยา, เดอะพลาซ่าเชียงใหม่, จางซีลอน ราคา 588 บาท

5.การจัดช่องทางการจำหน่าย
ช่องทางจำหน่ายแบบออนไลน์การให้บริการปกติสำหรับบริการจัดส่งถึงบ้าน
 คือ ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ทุกวัน